เงินเหลือในบัตรเติมเงิน แต่ทำไมถูกยึดคุณวิรัตน์ ร้องเรียนกับทางศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคว่า ซื้อบริการโทรศัพท์ระบบเติมเงินยี่ห้อหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 มกราคม 46 ซึ่งคุณวิรัตน์จะมีวิธีการใช้โทรศัพท์คือเปิดเครื่องใช้งาน 14 วัน และปิดเครื่อง 14 วันสลับกันไป เพราะมีชีวิตการทำงานที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่น โดยจะฝากเครื่องมือสื่อสารทั้งหลายไว้ที่แผนกธุรการของบริษัท ก่อนจะออกเดินทางไปแท่นผลิตก๊าชธรรมชาติกลางอ่าวไทย เนื่องจากไม่สามารถนำเครื่องมือสื่อสารใดๆ ไปได้การใช้งานแบบนก็ไม่มืปัญหาอะไรจนวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ร้องได้ถูกตัดยอดเงินที่เหลืออยู่ในระบบ 791.58 บาทไป จึงรีบติดต่อที่คอลเซ็นเตอร์ฃองผู้ให้บริการ ที่ทิเวเจอร์พาร์ครังสิต เมื่อวันที่ 22 เมษายน ก๊ได้รับคำตอบเพียงว่า“เมื่อวันในการใช้งานหมดแล้ว 7 วัน ไมค์สัมภาษณ์ราคา ทางบริษัทจะตัดยอดเงินที่เหลือในระบบทิ้งทั้งหมด”คุณวิรัตน์ยังพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการติดต่อคอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง ก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า“หลังจากลูกค้าถูกตัดยอดเงินในระบบโทรศัพท์แล้ว ภายในระยะเวลา 7 วันกรณีของผมคือวันที่
18 เมษายน ถ้าลูกค้าติดต่อกับทางคอลเซ็นเตอร์จะได้รับเงินที่ถูกตัดคืนทั้งหมด”ปัญหาที่คุณวิรัตน์ข้องใจมากคือ “จะมีลูกค้าคนไหนทราบได้ว่า ถ้าถูกตัดเงินแล้วต้องติดต่อคอลล์เซ็นเตอร์ภายใน 7 วันถึงจะได้เงินคืน’’ เพราะแม้แต่พนักงานทีฟิวเจอร์พาร์คซึ่งคุณวิรัตน์ไปติดต่อไว้ก็ยังไม่มีข้อมูลตรงนี้ แถมยังบอกให้ทำใจด้วยว่า ไมค์หนีบปกเสื้อราคาถูก “แม้แต่ตัวพนักงานเองก็โดนตัดเงินมาแล้วเหมือนกัน”แหม...เงินในกระเป๋าของเราแท้ๆ การใช้บริการบัตรเติมเงิน จะเรียกว่าผู้บริโภคสำรองเงินจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ก่อน ก็คงไม่ผิดนัก แต่ไหงกลับโดนผู้ให้บริการริบเงินไปเสียอย่างนั้น กรณีของคุณวิรัตน์เกิดขึ้นเมื่อปลายปีก่อน แต่ในปัจจุบันคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้ออกประกาศคุ้มครองผู้บริโภคในกรณีมือถือระบบเติมเงินว่า ห้ามมีการกำหนดระยะเวลาการใช้ ห้ามระงับระบบอีกทั้งให้คืนเงินที่เหลือทั้งหมดแก่ผู้บริโภคด้วย อย่าง1ไรก็ดี ในทางปฏิบัติผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือก็ยังลักไก่หลอกกินเงินผู้บริโภคอยู่บ่อยๆ ซึ่งหากพบปัญหาในลักษณะนี้ ร้องเรียนไปได้ที่สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมเพื่อไม่ให้มืการเอาเปรียบกันซํ้าแล้วซํ้าเล่า ไมค์หนีบปกเสื้อไร้สาย ชนิดเอาเปรียบกันไม่เลิก
โทรศัพท์ไฮเทคกับค่าบริการไม่คาดฝันผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหลายๆ ค่าย ขยายฐานรายได้ด้วยการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยี เทคโนโลยีเหล่านี้บางครั้งก็ดูก้าวไกลจนน่าหลงใหลสำหรับคนที่รักความไฮเทค แต่เมื่อลองใช้แล้วกลับพบว่าช่างไม่คุ้มเอาเสียเลยกับเงินค่าบริการที่จ่ายไป และกว่าจะรู้ตัวก็สุดที่จะแก้ไขได้ทัน ไมค์หนีบปกเสื้อ boya by-m1 เช่นกรณีของคุณหนูนาที่ไปติดกับตักเทคโนโลยี GPRS ของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยอดนิยมค่ายหนึ่ง จนต้องสูญเงินถึง 6,000 บาทแบบไม่ทันรู้ตัวคุณหนูนาเล่าว่า ตนได้เล่นอินเตอริเน็ตผ่านมือถือด้วยวิธีการนำสาย subต่อมือถือเข้ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ผ่านระบบGPRS“ดิฉันยอมรับว่าไฮเทคมากๆ ช่วงเวลาสองสามวันนั้นดิฉันเล่นอินเตอร์เน็ตไปไม่น่าจะเกิน 4 - 5 ชั่วโมง ตอนนั้นคิดเหมือนกันว่าคงมืค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะแพงอะไรมากมายนัก,’อยู่มาวันหนึ่ง โทรศัพท์มือถือของคุณหนูนาถูกระงับบริการ เธอจึงโทรไปที่คอลล์เซ็นเตอริ ซึ่งก็ได้รับคำชี้แจงว่า เหตุที่ถูกระงับบริการเพราะว่าเกิดค่าใช้จ่ายที่เกินวงเงิน เนื่องจากมีการใช้ GPRS เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 6,000 บาท“ดิฉันมึนมาก ทางคอลล์เซ็นเตอริให้รายละเอียดว่า เราเล่นไปประมาณ30,000 กิโลไบต์ ดิฉันไม่รู้เรื่องตรงนี้เลย ไม่ทราบมาก่อนด้วยว่า เขาคิดเงินกันเป็น
ไมค์ BOYA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น